6.24.2551

แบนหลอดไส้

เตรเลียสั่งแบนหลอดไส้ หวังเลิกใช้ภายใน 3 ปี

เอพี/เอเจนซี/เอเอฟพี – ออสเตรเลียประกาศแผนออกกฎยกเลิกการใช้หลอดไฟฟ้าแบบไส้ หันมาใช้พลังงานแบบพอเพียง เพิ่มปริมาณการใช้หลอดฟูออเรสเซ็นต์เข้าแทนที่ เพื่อควบคุมปริมาณการปล่อยก๊าซปฏิกิริยากระจก หวังช่วยชะลอปัญหาโลกร้อน

มัลคอล์ม เทิร์นบูล (Malcolm Turnbull) รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ออสเตรเลีย ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ว่า ทางรัฐบาลออสเตรเลียจะออกกฎหมายจำกัดการขายหลอดไส้ และเชื่อว่าการใช้หลอดไส้น่าจะหมดไปได้ภายใน 3 ปี ส่วนหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์น่าจะสามารถเข้ามามีบทบาทมากขึ้นภายในปี 2009

อย่างไรก็ดี มีข้อมูลบ่งชี้ว่าออสเตรเลียปล่อยก๊าซก่อสภาวะเรือนกระจกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศถึง 565 ล้านตันในปี 2004 โดยเทิร์นบูล เชื่อว่าหากเลิกใช้หลอดไส้แล้วออสเตรเลียจะสามารถลดการปลดปล่อยเรือนกระจกได้ถึง 4 ล้านตันภายในปี 2010 และจะช่วยลดค่าไฟฟ้าในแต่ละครัวเรือนได้มากถึง 66% ด้วย

แม้ว่าออสเตรเลียถือเป็นประเทศแรกในโลกที่มีการออกกฎลักษณะดังกล่าว ทว่าเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมารัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายห้ามใช้หลอดไส้ไปแล้ว และในรัฐนิวเจอร์ซีย์ก็เริ่มมีการเรียกร้องให้เลิกใช้หลอดไส้ภายใน 3 ปี

ขณะที่ฟิเดล คาสโตร (Fidel Castro) ประธานาธิบดีแห่งคิวบา ริเริ่มโครงการลักษณะเดียวกันนี้ตั้งแต่ 2 ปีก่อนแล้ว โดยส่งกลุ่มเยาวชนเข้าไปเปลี่ยนหลอดไฟกันถึงตามบ้าน โดยต้องการให้ใช้ไฟฟ้ากันอย่างประหยัด แก่ปัญหาไฟตกบนเกาะ

ไม่กี่เดือนถัดมามิตรรักของคาสโตรอย่างประธานาธิบดีฮิวโก ชาเวส (Hugo Cha) ของเวเนซูเอลา ก็เห็นดีเห็นงามกับแนวคิดดังกล่าว จึงประกาศโครงการประหยัดพลังงานด้วยตัวเอง ทำให้ขณะนี้เวเนซูเอลาและประเทศเพื่อนบ้านใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์กันอย่างแพร่หลาย

ปัจจุบันแม้ว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์จะราคาแพงมากกว่าหลอดไส้มาก แต่ฟลูออเรสเซนต์ใช้พลังงานความร้อนเพียงแค่ 20% ของหลอดไส้ และหลอดไส้ขนาด 75 วัตต์จะมีอายุใช้งานประมาณ 750 ชั่วโมง ขณะที่หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ขนาด 20 วัตต์จะมีอายุใช้งานนานถึง 10,000 ชั่วโมง

แม้นักสิ่งแวดล้อมจะชื่นชมกับรัฐบาลออสเตรเลียที่ออกนโยบายนี้ แต่ก็อดจะติงไม่ได้ว่า แหล่งทีก่อภาวะเรือนกระจกแหล่งใหญ่ของออสเตรเลียนั้นคือภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งที่ใช้พลังงานจากถ่านหิน แต่ก็นับว่านโยบายดังกล่าถือเป็นก้าวเล็กๆ ที่ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ที่มา: http://www.manager.co.th
Link: http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9500

6.22.2551

หลังจากคราวที่แล้วนำเสนอพูดถึงเรื่องที่เกี่ยววกับบุคคล3แบบเกี่ยวกับกับโลกร้อน
คือ

พวกที่รณรงค์กันอยู่กับพวกเพื่อลงภาวะโลกร้อน
พวกที่รอการเริ่มต้น
พวกที่ไม่สนใจ

ก็เลยแตกออกมา ดูก่อนว่าแต่ละพวกต่างกันยังไง

พวกแรกก็คือ พวกที่เริ่มสนใจและกระตุ้นคนรอบข้างให้สนใจในปัญหาโลกร้อน แล้ววก็เริ่มรณรงค์การลดใช้พลังงานด้วยวิธีต่างๆ เช่นการใช้พลังงานทดแทน
การลดปริมาณขยะ ใช้ให้น้อยลง ฯลฯ

พวกที่2 คือพวกที่รอการเริ่มต้น คนเหล่านี้ก็ยังคงดำเนินชีวิตและบริโภคพลังงานกันอย่างปรกติ
แต่ก็ยังสนใจที่จะช่ยประหยัดพลังงานบ้าง แต่ก็ยังไม่ลงมือกระทำยังรอคนอื่นกระทำก่อน

พวกที่ 3 คือ พวกที่ไม่สนใจอะไรเลยยังคงบริโภคเหมือนเดิมและไม่สนในเรื่องการหมดไปและการเสื่อมสลาย
ของพลังงาน และคิดว่าพลังงานยังไม่ก็หมดไม่ทันรุ่นเเรา

แต่ยังไงพวกนี้ก็ยังคงใช้พลังงานเหล่านั้นอยู่ เพราะมันก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิต ยังคงต้องขับรถ ยังคงต้องทำโฆษณา ยังต้องอาศัยมันอยู่ดี
ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

6.08.2551

Comm5

แล้วก็ได้เริ่มต้นประเดิมกับ Comm5 ด้วยการนั่งดูวีดีโอสารคดี 3 เรื่อง ซึ่งดีใจอยู่นิดๆที่ได้เรื่องที่2 เพราะเรื่องแรก wal-mart ฟังมันไม่ทันเลยแทบไม่มีเวลาประมวลคำพูดเลย

ตอนแรกที่ได้ดูเรื่องที่2 ก็เห็นพูดถึงเรื่อง นวัตกรรมใหม่ที่ช่วยประหยัดพลังงาน โดยเดิมทีที่เนื้อเรื่องพูดนั้นก็พูดถึงการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองและไม่คุ้มค่ากับพลังงานที่เสียไปเกี่ยวกับจำพวกรถยนต์โดยทั้งสิ้น

อย่างที่มีเพื่อเคยพูดเรื่องตั๋วรถเมล์ว่าประโยชน์ของมันก็แค่เรื่องการใช้นับจำนวนคนในแต่ละรอบรถ ซึ่งถ้าทุกคนยังพอจะจำกันได้ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ10-12 ปีก่อนเคยมีนโยบายของ รถ ขสมก. ร่วมกับเซเว่น เพื่อลดการทิ้งตั๋วรถเมล์ตามท้องถนนโดยนำมาเป้นส่วนรถในการซื้อของ แต่ก็ต้องล้มเลิกไป เพราะคนก็ยังทิ้งกันอยู่ดี นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของความเคยชินมากกว่าที่คิดจะทิ้ง นี่ก็เป็นแค่เรื่องที่ผุดเข้ามาในหัวผมเฉยๆไม่ได้สำคัญมากนัก

การที่เราใช้พลังงานที่สิ้นเปลือนนั้นมันก็น่าจะมาจากพฤติกรรมการบริโภคที่ผิดวิธีและการปลูกฝัง

กลับกลายเป็นว่าทุกคนแบ่งเป็น3 พวกแล้วเท่าที่เห็น คือ
1. ต้องการลดปริมาณขยะที่มีอยู่แล้ววนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์แล้วก็โหมโฆษณากันเข้า
2. เมิงเริ่มก่อนดีแล้วกุจะตาม
3. ไร้สาระใช้ๆไปเถอะเรื่องมาก

อย่างเรื่องโลกร้อนน้ำแข็งละลายน้ำท่วมโลก บางคนก็คิดว่ายังไงมันก็ไม่ทันรุ่นเราอยู่ดี
ถ้าเราไม่เกี่ยงกันแล้วหาอะไรพอที่จะมี power พอที่จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนได้ก็คงจะดี